​“นภินทร”วาง 9 โรดแมป เพิ่มจีดีพี SMEs มูลค่า 3 แสนล้านบาทในปี 67

img

“นภินทร” วางโรดแมปเพิ่มจีดีพีให้กับ SMEs ไทย ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าจาก 6.3 ล้านล้านบาท หรือสัดส่วน 35.2% ของจีดีพี เพิ่มเป็น 6.6 ล้านล้านบาท หรือ 36% ของจีดีพี หรือเพิ่มขึ้น 3 แสนล้านบาท ในปี 67 ก่อนขยับเพิ่มเป็น 5 แสนล้านบาทในปี 70 เตรียมลุย 9 แผนงาน ที่จะช่วยให้ SMEs ไปสู่เป้าหมาย ทั้งเพิ่มพูนความรู้ สร้างอาชีพด้วยแฟรนไชส์ นำสินค้าขายแรงงานต่างด้าว เพิ่มมูลค่าสินค้า GI บริหารสินค้าเกษตร พัฒนาร้านโชห่วย ดัน SMEs เข้าร่วมจัดซื้อภาครัฐ ส่งเสริมอีคอมเมิร์ซ และดันนครอัญมณี
         
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SMEs ไทย ว่า ที่ประชุมได้กำหนดโรดแมป ในการส่งเสริมเพื่อเพิ่มสัดส่วนจีดีพีของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของไทย ให้เพิ่มขึ้นจาก 6.3 ล้านล้านบาท หรือสัดส่วน 35.2% ของจีดีพี เพิ่มเป็น 6.6 ล้านล้านบาท หรือสัดส่วน 36% ของจีดีพี หรือเพิ่มขึ้น 3 แสนล้านบาท ภายในปี 2567 และเพิ่มอีก 5 แสนล้านบาทภายในปี 2570 หรือสัดส่วน 40% ของจีดีพี โดยมีแผนดำเนินการรวมทั้งสิ้น 9 แนวทาง เพื่อช่วยขับเคลื่อนและสร้างรายได้ให้กับ SMEs
         
โดยแผนที่ 1 จะบูรณาการระหว่าง 3 หน่วยงาน คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อจัดหลักสูตรอบรมให้ความรู้เพิ่มเติมทักษะให้ SMEs

2.จะสร้างอาชีพด้วยแฟรนไชส์ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ผู้ว่างงาน ผู้สนใจประกอบธุรกิจ และครอบครัวผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถเลือกซื้อแฟรนไชส์ตามความถนัด โดยได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัด หาทำเลในพื้นที่ตามการแบ่งเขตการเลือกตั้ง 400 เขต พื้นที่ละ 10 จุด รวม 4,000 จุด และให้เจรจาค่าเช่าราคาพิเศษ รวมทั้งประสานปั๊มน้ำมัน เปิดพื้นที่ให้เช่าราคาถูกหรือฟรีใน 1 ปีแรก และประสานสมาคมตลาดสดไทยที่มีสมาชิกกว่า 300 แห่ง ให้คัดเลือกทำเลการค้าหรือแจ้งความต้องการว่าในพื้นที่นั้นต้องการแฟรนไชส์ประเภทใดไปลงทุน จากนั้นจะช่วยประสานสถาบันการเงินให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ คิดดอกเบี้ยราคาพิเศษ และยังได้ตั้งคณะทำงาน มีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อติดตามในเรื่องนี้ด้วย  
         
3.เพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศด้วยการนำสินค้าชุมชน หรือ SMEs หรือ OTOP มาเสนอขายแก่ผู้บริโภคในกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยกว่า 2.5 ล้านคน โดยจัดแพกเกจสินค้าที่เหมาะกับการยังชีพให้สะดวกต่อการเลือกซื้อสินค้า และมีระบบการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว ซึ่งได้ตั้งคณะทำงาน มีอธิบดีกรมการค้าภายใน กำกับดูแล
         
4.เพิ่มมูลค่าสินค้า GI ให้เป็นที่รู้จักทั้งในและนอกประเทศ และตั้งเป้าที่จะเพิ่มสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI อีก 20 รายการ จากเดิมที่มีอยู่ 193 รายการ และเพิ่มมูลค่าการค้าจาก 5.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 6.2 หมื่นล้านบาท
         


5.การบริหารจัดการสินค้าเกษตรเพื่อรักษาสมดุลราคาทั้งพืชไร่ พืชสวน และปศุสัตว์ เพื่อรองรับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด เป้าหมาย 75,000 ตัน/ปี

6.พัฒนาร้านค้าโชห่วยด้วยระบบการค้าสมัยใหม่ นำเทคโนโลยี POS มาช่วยบริหารจัดการร้านค้า พร้อมทั้งปรับภาพลักษณ์ร้านค้าให้สวยงาม เพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์ให้เข้าใกล้ลูกค้ามากขึ้น และส่งเสริมการแข่งขันให้เท่าเทียมกัน

7.ส่งเสริมการเติบโต SMEs ในท้องถิ่น ผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP) ให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดและเป็นคู่ค้ากับภาครัฐได้

8.สนับสนุนและสร้างมาตรฐานธุรกิจ E-Commerce โดยส่งเสริมให้จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมรับเครื่องหมาย DBD Registered การันตีความมีตัวตน และเครื่องหมาย DBD Verified รับรองความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจ

9.ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นนครอัญมณีโลก เพื่อช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เพราะเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการ SMEs เป็นจำนวนมาก

นายนภินทรกล่าวว่า ยังได้กำหนดจัดกิจกรรม “มหกรรมรวมพลัง SMEs ไทย” ซึ่งเป็นภารกิจเร่งด่วน (Quick Win) ของกระทรวงพาณิชย์ในการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SMEs กำหนดจัดงานช่วงปลายเดือน มี.ค.2567 ที่กรุงเทพฯ โดยจะเปิดพื้นที่ให้ SMEs เข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้า เช่น ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจอาหาร ผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นต้น จำนวนไม่น้อยกว่า 100 คูหา จัดการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างคู่ค้าทางธุรกิจ จัดสัมมนาหัวข้อที่ SMEs จำเป็นต้องรู้เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น กฎระเบียบด้านการค้าระหว่างประเทศ สิทธิประโยชน์ FTA และแนวทางการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น การให้สินเชื่อจากสถาบันการเงินเพื่อช่วยให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ภายใต้กิจกรรม “จับคู่กู้เงิน” และการให้คำปรึกษาด้านการทำธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ ในระยะที่ 2 จะจัดกิจกรรมออนทัวร์ ไปยัง 4 ภูมิภาค เพื่อช่วย SMEs ในส่วนภูมิภาคด้วย 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง